รัฐบาลไต้หวันได้กำหนดเป้าหมายการปลอดนิวเคลียร์ภายใน 2568 ส่งผลให้การผลิตกระแสไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลง สัดส่วนการผลิตกระแสไฟฟ้าดังนี้ (1) พลังงานก๊าซ 50% (2) พลังงานถ่านหิน 30% และ (3) พลังงานสีเขียว 20% โดยที่เศรษฐกิจภายในไต้หวันเกิดการขยายตัว ปริมาณการใช้ไฟฟ้ามีมากกว่าที่ประมาณการไว้ จึงส่งผลให้เป้าหมายการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานสีเขียวซึ่งประกอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม จำเป็นต้องถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วง ต.ค. 2569 ขณะที่โครงการพลังงานลมนอกชายฝั่ง ระยะที่ 3 จะสิ้นสุดการเสนอชื่อปลายเดือน ก.ย. 2565 ก่อนเริ่มการประมูล

รู้จักโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งทั้ง 3 ระยะ

          โครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งจนถึงปัจจุบันมีแล้วทั้งสิ้นรวม 3 ระยะ

          โครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในระยะที่ 1 เป็นโครงการสาธิตที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2555 โดยในปี 2556 มีทุ่งกังหันลมที่ผ่านการคัดเลือก 3 แห่ง คือ Formosa 1 (2562), Taipower เฟส 1 (2563) และ Fuhai (ไม่ผ่าน EIA ในช่วงแรก ภายหลังผ่านและสามารถเข้าร่วมโครงการในอนาคตได้)

          โครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในระยะที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 กระทรวงพลังงานประกาศพื้นที่ที่มีศักยภาพจำนวน 36 แห่ง และเมื่อปี 2560 ประกาศเป้าหมายการผลิต 5.5 กิกะวัตต์ ภายในปี 2563-2568 โดยในปี 2561 มีทุ่งกังหันลม 10 แห่งที่ผ่านการคัดเลือก รวมปริมาณไฟฟ้า 3,836 เมกะวัตต์ และมีทุ่งกังหันลมจากการประมูล 4 แห่ง รวม 1,664 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดการนำเข้าสู่ระบบไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2563-2568

          สำหรับโครงการปัจจุบัน เมื่อ ส.ค. 2564 กระทรวงเศรษฐการประกาศโครงการพื้นที่พลังงานลมนอกชายฝั่ง ระยะที่ 3 ซึ่งในระหว่างปี 2569-2578 จะผลิตไฟฟ้าได้กว่า 15 กิกะวัตต์ หรือ 1.5 กิกะวัตต์ ในแต่ละปี การแบ่งสิทธิ์มีการตรวจสอบคุณสมบัติในการเข้าร่วมประมูล ส่วนแบ่งการผลิตท้องถิ่น ก็เป็นตัวแปรหนึ่ง ในการพิจารณาด้วย การเสนอชื่อเข้าร่วมประมูลครั้งแรกจะสิ้นสุดปลายเดือน ก.ย. 2565 นี้

          โครงการปัจจุบัน จนถึงเดือน เม.ย. 2565 มีทุ่งกังหันลมอย่างน้อย 14 แห่ง ผลิตไฟฟ้าได้กว่า 10 กิกะวัตต์ แต่ในปี 2569-2570 จะจัดสรรให้เพียง 3 กิกะวัตต์ ตามขีดจำกัดของพลังงานที่ผลิตได้จากทุ่งกังหันลมหนึ่งแห่ง คาดผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานลมที่ได้รับสิทธิ์จะมีเพียง 5-6 แห่ง

การประชุมระดับผู้นำด้านพลังงานลมนอกชายฝั่งโลก ไต้หวัน 2565

          ในปี 2565 สภาพลังงานลมโลก (Global Wind Energy Council - GWEC) และหอการค้ายุโรปประจำไต้หวัน (European Chamber of Commerce Taiwan - ECCT) ได้รวบรวม ผู้กำหนดนโยบายในไต้หวัน ผู้นำด้านพลังงานลมนอกชายฝั่ง นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องระหว่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดพลังงานลมนอกชายฝั่งของไต้หวันที่งาน การประชุมระดับผู้นำด้านพลังงานลมนอกชายฝั่งโลก ไต้หวัน 2565 (Global Offshore Wind Summit Taiwan - GOWST 2022) ระหว่างวันที่ 17-18 ต.ค. 2565 ซึ่งเป็นกิจกรรมพลังงานลมนอกชายฝั่งที่จัดเป็นทางการทุกปี เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสในด้านพลังงานลมในเอเชีย-แปซิฟิก สำหรับรัฐบาลไต้หวันและภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

          อนึ่ง การประชุมฯ จะจัดขึ้นตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงปี 2578 จะครอบคลุมประเด็น อาทิ ห่วงโซ่อุปทาน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือ การทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า อนาคตของพลังงานลมนอกชายฝั่ง โดยผู้สนใจเข้าร่วมสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://gwec.net/global-offshore-wind-summit-taiwan-2022/