ไต้หวันตั้งเป้าหมายเป็น Silicon Valley แห่งเอเชีย

ไต้หวันตั้งเป้าหมายเป็น Silicon Valley แห่งเอเชีย

วันที่นำเข้าข้อมูล 14 มิ.ย. 2560

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 พ.ย. 2565

| 1,691 view

ไต้หวันตั้งเป้าหมายเป็น Silicon Valley แห่งเอเชีย                 

"บรรยากาศระหว่างการประชุม 2017 Asia Silicon Valley international   

" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ ผู้ว่าการเมืองเถาหยวน

และวิทยากร "summit forum"                                                                                             

           

            เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2560 กระทรวงเศรษฐการไต้หวันร่วมกับเทศบาลเมืองเถาหยวนได้จัดการประชุมระดับนานาชาติ " 2017 Asia Silicon Valley International Summit Forum " ณ โรงแรม South Garden Hotels and Resorts เมืองเถาหยวน โดยมุ่งเน้นให้เกิดความเข้าใจในการดำเนินนโยบายพัฒนา “Asian Silicon Valley” ในไต้หวัน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไต้หวัน  โดยการส่งเสริมการลงทุนในด้าน Internet of Things (IoT) / R&D / และ Innovation industries   จากนานาประเทศ รวมถึงผลักดันผู้ประกอบการ Start up ไต้หวันให้มีความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น

            นาย Chih-Kung Lee รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการไต้หวันกล่าวเปิดการประชุมฯว่า อุตสาหกรรมของไต้หวันกำลังเผชิญกับความท้าทายในยุคดิจิตอล และจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ซึ่งโครงการพัฒนา Asia Silicon Valley นี้ เป็นการรวมพลังระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยอาศัยนวัตกรรม และความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี IoT โดยไต้หวันมีแผนจะดึงดูดบุคลากร รวมทั้งการลงทุนจากต่างชาติ และจะสร้างความเชื่อมโยงกับ Silicon Valley ในสหรัฐฯในการแลกเปลี่ยนบุคลากร เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา

            ทั้งนี้ IoT และนวัตกรรมจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ไต้หวันเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้มากขึ้นในตลาดโลก ซึ่งในการประชุมฯ ได้มีการเชิญวิทยากรผู้มีประสบการณ์มาให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการสร้าง “Asian Silicon Valley” ในหัวข้อต่าง ๆ ได้แก่

1.      แผนพัฒนา Asia Silicon Valley Development โดย นาย David Wang ประธานโครงการ Asian Silicon Valley Development Agency กล่าวว่า " ไต้หวันจะต้องพัฒนา IoT ให้เข้าถึงทุกภาคส่วน ซึ่งปัจจุบันไต้หวันมีจุดเด่นด้านโครงสร้างทางระบบ internet และการพัฒนา smart device ต่าง ๆ แต่ยังมีข้อด้อยในด้านการพัฒนา software นอกจากนี้ ไต้หวันยังจำเป็นต้องมีหุ้นส่วนต่างชาติเพิ่มขึ้นด้วย และจะต้องทำให้ไต้หวันเป็นจุดหมายปลายทาง (destination) ของ startups                   และผู้ประกอบการด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี "

2.      กุญแจสู่ความสำเร็จของไต้หวัน - นวัตกรรมและการดำเนินธุรกิจ โดย นาย I-Chien Jan ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Fitmily sport tech กล่าวว่า "ในอีก 20 ปีข้างหน้า จะเข้าสู่ยุคที่มี Internet of thing / Cloud technology / Mobile Internet เต็มตัว และไต้หวันต้องสร้างบรรยากาศที่ดี เพื่อพร้อมก้าวเข้าสู่เวทีโลก โดยจะต้องเปลี่ยนแปลงระบบความคิดของชาวไต้หวันให้มีความเป็นนานาชาติมากยิ่งขึ้น พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของชาวไต้หวัน และดึงดูดบุคลากร ผู้มีความสามารถจากต่างชาติมาช่วยพัฒนาไต้หวัน "

3.      การหารือหัวข้อแผนพัฒนา Asia Silicon Valley และยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมใหม่ของไต้หวัน โดยมี น.ส. Ma-Li Yang ประธาน Global Views Monthly เป็นผู้ดำเนินรายการ และวิทยากรอีก 4 ท่าน ได้แก่  นาย Stephen Su ผู้อำนวยการ Industrial Economics and Knowledge Center,ITRI / นาย Vice ประธาน Cisco Taiwan ฮ่องกงและมาเก๊า / นาย Yen-nun Huang ประธาน บริษัท Asia IOT Alliance / และ นางสาว Tahan Lin ประธาน บริษัท Backer-Founder โดยสรุปได้ดังนี้

            "IoT และนวัตกรรมเป็น trend ของโลกปัจจุบัน และจำเป็นต้องทำให้อุตสาหกรรมไต้หวัน  มีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติให้มากขึ้น ทั้งในด้านอุตสาหกรรม hardware และ software ดังนั้น การสร้างระบบนิเวศน์ที่ดีสำหรับผู้ลงทุนและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

            นอกจากนี้ ไต้หวันควรผลักดันการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนับสนุน SMEs คนรุ่นใหม่และนักศึกษาให้สามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมที่ดี และควรสนับสนุนในด้านเงินทุนให้มีความโปร่งใสมากขึ้น อีกทั้งวิจัยและพัฒนาสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ และสร้าง local talents ให้มากขึ้น"

 

                        ทั้งนี้ เมืองเถาหยวนมีความเป็นเอกลักษณ์โดยเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานนานาชาติ อยู่ระหว่างไทเปซึ่งเป็นเมืองหลวงกับเมืองซินจู๋ซึ่งเป็นอุทยานวิทยาศาสตร์และศูนย์กลางของเทคโนโลยี และเมืองเถาหยวนมีประชากรในวัยทำงานมาก  (อายุเฉลี่ย 37-38 ปี ราว 100,000 คน) จึงเหมาะสมสำหรับการเป็นพื้นที่เป้าหมายที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ